Friday 23 December 2016

ภาษาดอกไม้ Flower Message

สารรักจากดอกไม้พืชพรรณ   
ในปี 1870  Baron Reinsberg-Düringsfeid ได้รวบรวมทำปฏิทินดอกไม้ขึ้นมาอย่างละเอียดหลังจากได้ศึกษาค้นคว้าอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน. เขาโยงความอุดมสมบูรณ์ของดอกไม้พืชพรรณบนพื้นโลกของเรา กับวันเดือนปีในชีวิตของคน.  ธรรมเนียมหรือค่านิยมแบบนี้ สืบสาวย้อนหลังไปได้ถึงยุคจักรวรรดิโรมัน. ในยุคคริสตกาล ชาวคริสต์เคยเลือกสรรดอกไม้เพื่อใช้บูชานักบุญประจำวันตลอดทั้งปี.  จากยุคนั้นมา เรื่องดอกไม้ในฐานะสิ่งบูชาพระเจ้าหรือนักบุญ ดูจะหมดคนสนใจ.  ไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับดอกไม้ประจำวันทุกวันในหนึ่งปี แต่ยังมีการเก็บรักษารายชื่อนักบุญประจำแต่ละวันตลอดทั้งปีอยู่. บ้านเมืองและชนชาติทั้งหลาย ต่างวิวัฒน์พัฒนาตามการเปลี่ยนแปลงทั้งทางการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจและสังคม.  ดอกไม้เบนมาเป็นพืชเศรษฐกิจมากขึ้นๆ นอกจากสรรพคุณด้านการเยียวยารักษาแล้ว ปัจจุบันดอกไม้เป็นสิ่งประดับอาคารบ้านเรือนเพื่อสร้างบรรยากาศให้น่าอภิรมย์  เป็นสิ่งกระตุ้นจินตนาการ และผลักดันคนให้ปลูกต้นไม้มากขึ้นๆ  ให้การปลูกต้นไม้เป็นวิธีการอนุรักษ์ธรรมชาติไปด้วย. แต่ประเด็นที่นำหน้าในโลกเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน  คนตีราคาดอกไม้ตามคุณสมบัติของการเป็นสารปรุงแต่งกลิ่นมากน้อยในอุตสาหกรรมน้ำหอมที่เป็นอุตสาหกรรมทำเงินอันดับต้นๆในวงการธุรกิจการค้าปัจจุบัน.   
       ราชสมาคมพืชสวน (The Royal Horticultural Society) แห่งประเทศอังกฤษทำสถิติไว้ว่า หนึ่งในร้อยของพืชพรรณทั้งหลายที่ปลูกในสวนอังกฤษปัจจุบัน เป็นพันธุ์ไม้พื้นเมือง  นอกนั้นเป็นพันธุ์ที่นำเข้าไปในอังกฤษ. ดังนั้น 99 เปอเซ็นต์ของจำนวนพืชพรรณที่ปลูกในสวนอังกฤษปัจจุบัน เป็นผลงานของนักสำรวจและพรานพืชพรรณทั้งหมด. ความจริงนี้ทำให้เราเข้าใจอย่างสิ้นสงสัยว่า พืชพรรณต่างๆได้เปลี่ยนสีสันและโฉมหน้าของสวนตะวันตก ของวัฒนธรรมและวิถีการครองชีวิตอย่างไร และนำความมั่งคั่งมาสู่ประเทศเพียงใด. ธุรกิจพืชพรรณเป็นหนึ่งในธุรกิจที่สำคัญที่สุดของประเทศอังกฤษ. ส่วนสวนพฤกษชาติทั้งหลายในอังกฤษ สวน Kew และโดยเฉพาะราชสมาคมพืชสวนของอังกฤษยังคงเป็นศูนย์กลางเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพืชพรรณและในที่สุดปลูกฝังความรักพืชพรรณในหมู่ชาวอังกฤษเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้  รวมทั้งเป็นสถาบันตัวอย่างสำหรับประเทศอื่นๆอีกด้วย.
       ประวัติการพัฒนาพฤกษศาสตร์ในยุโรปและการเดินทางของพืชพรรณจากแดนไกลสู่ยุโรป. พืชพรรณกลายเป็นหลักฐาน เป็นเอกสารประวัติศาสตร์ที่สัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับวิวัฒนาการด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและเทคโนโลยีของประเทศในยุโรปโดยเฉพาะของอังกฤษ  เพราะเป็นกุญแจของอำนาจและความมั่งคั่งของประเทศอังกฤษตั้งแต่ศตวรรษที่สิบแปดเป็นต้นมา  ทั้งยังเป็นพยานแห่งความรักความสนใจพืชพรรณของชาวอังกฤษที่มิได้ลดน้อยลงไปเลยตลอดห้าหกร้อยปีที่ผ่านมา  จนทำให้อังกฤษเป็นผู้นำสำคัญที่สุดในด้านพฤกษศาสตร์และธรรมชาติวิทยา อีกทั้งเป็นผู้นำการรณรงค์เพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติที่ไม่มีประเทศใดเทียบเคียงได้.
       ความรู้ที่สั่งสมมาตั้งแต่ยุคโบราณ  สร้างพื้นฐานอันมั่นคงให้พฤกษศาสตร์  เดี๋ยวนี้ทุกชาติตระหนักแล้วว่าความรู้เกี่ยวกับพืชพรรณเป็นกุญแจสำคัญที่สุดของความอยู่รอดของมนุษยชาติ  พฤกษศาสตร์ต้องเป็นแกนนำการพัฒนาสังคม การเมืองและเศรษฐกิจ   วิทยาการทุกแขนงและเทคโนโลยีทุกรูปแบบจำต้องพัฒนาจากมุมมองของนิเวศวิทยา ของพืชพรรณ สัตว์และคนร่วมกัน.
        ภาพพืชพรรณเป็นเหมือนฉากหลังของทุกชีวิตในอังกฤษ  เป็นแบบประดับของเกือบทุกอย่างในบ้าน ตั้งแต่กระดาษปิดฝาผนัง ลายบนกระจกหน้าต่างหรือประตู ม่าน ผ้าคลุมหรือผ้าปูเตียง ผ้าบุเก้าอี้หรือเครื่องเรือน พรมและสิ่งทอประดับผนัง แบบเตียง เครื่องเรือนไปจนถึงลายประดับถ้วยโถโอชาม และในที่สุดลวดลายและสีสันของเสื้อผ้า.  มิใช่เรื่องบังเอิญที่ William Morris (1834-1896 ชาวลอนดอน. หนึ่งในผู้นำกระแส The Craft and Art movement, 1880-1910) ใช้ภาพเฟิร์น ดอกไม้ กิ่งไม้ และสัตว์ เป็นแบบของงานสร้างสรรค์ทุกอย่างของเขา  หรือการที่เขารณรงค์เพื่อยกระดับนายช่างฝีมือว่าเทียบเท่าช่างศิลป์อื่นๆ หรือการที่เขากระตุ้นให้ชาวอังกฤษเห็นความน่าเกลียดของสังคมที่เอาเปรียบคนงาน ที่ฉกฉวยความงามที่ชีวิตมีให้ทุกคนจากพวกเขา. Morris มิได้เป็นเพียงศิลปิน แต่เป็นนักเขียนด้วยและในที่สุดเป็นผู้นำกระแสสังคมนิยมในอังกฤษ ประท้วงสังคมอุตสาหกรรมที่ผิดธรรมชาติ ที่อยุติธรรมต่อชนชั้นคนงาน.
        มิใช่เรื่องบังเอิญเช่นกันที่ Charles Rennie Mackintosh (1868-1928 ชาวสก็อต) สร้างสรรค์สถาปัตยกรรมที่ใช้แบบประดับจากธรรมชาติ เลียนแนวเส้นโค้งอันอ่อนช้อยของไม้ดอกและความงามของทัศนียภาพอันสวยงามน่าทึ่งของสก็อตแลนด์ที่เขาเคยวาดเคยสเก็ตช์มานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่วัยเด็ก. เขาเป็นผู้นำคนสำคัญของกระบวนการสร้างสรรค์ศิลปะแนวใหม่หรือ อารนูโว”(Art Nouveau) ในสก็อตแลนด์ ที่ยังผลให้มีการสถาปนากระแส Sezessionstill (หรือ The Secession) ขึ้นในออสเตรียในราวปี1900. Glasgow School of Art เป็นหนึ่งในผลงานสถาปัตยกรรมของ Mackintosh.
       มิใช่เรื่องบังเอิญอีกเช่นกันที่ Arthur Lasenby Liberty (1843-1917)  เปิดร้านขายเครื่องตกแต่งบ้าน พรม ผ้าและศิลปวัตถุจากญี่ปุ่นและจากตะวันออก และในที่สุดผลิตผ้าพิมพ์แบบตะวันออกสำหรับใช้ตัดเสื้อผ้าและสำหรับใช้บุเครื่องเรือนหรือตกแต่งบ้าน.  ต่อมาสั่งเข้าผ้าทอสำเร็จจากชวา อินเดีย อินโดจีนและเปอเชียมาพิมพ์ลายในอังกฤษ เรียก “Liberty Art Fabrics” และสร้างสรรค์แฟชั่นผ้าฝ้ายพิมพ์ดอกไม้ใบไม้ตามกระแสของศิลปะแนวใหม่  เริ่มด้วยผ้าฝ้าย ต่อมามีผ้าไหม ผ้ากำมะหยี่ ผ้าวูลและผ้าใยสังเคราะห์. ในศตวรรษที่19 แบบเสื้อผ้าในสไตลของลิเบอตี้ต้องการสื่อความรักความฝัน การใช้ชีวิตในธรรมชาติ วิญญาณอิสระ ชีวิตที่พ้นกรอบรัดหรือหลุดออกจากความฉาบฉวยของสังคมในเมืองใหญ่  แบบเสื้อและผ้าของลิเบอตี้ไม่ใช่แบบที่ชาวเมืองใส่ไปงานสังคมชั้นสูง  เป็นแบบเรียบง่าย เสื้อเชิ้ตหรือเสื้อฮาวาย กระโปรงรูดรอบตัวเป็นต้น.  (ผ้าลิเบอตี้ในยุคปัจจุบันยังคงเป็นลวดลายดอกไม้ แต่ก็มีลายและแบบทันสมัยตามกระแสนิยมยุคใหม่และสีสันแห่งยุค)  แนวการสร้างสรรค์ของลิเบอตี้เคยสื่อค่านิยมของชาวอังกฤษ ที่สะท้อนรับกับความฝันอยากมีบ้านและสวนของตนเองนอกเมือง.  สวรรค์ของชาวอังกฤษ จึงไม่ใช่สถานที่หรูหรา ไม่ใช่วิมานที่มีปราสาทหอคอยหลังคาทอแสงเป็นประกายระยิบระยับ หรือการได้เสพอาหารทิพย์  เป็นเจ้าของเครื่องทองและเพชรนิลจินดาฯลฯ ดั่งค่านิยมเกี่ยวกับสวรรค์และชีวิตหลังความตายของคนไทยส่วนใหญ่  แต่ เป็นสนามหญ้าเขียวชอุ่มผืนใหญ่ มีดอกไม้ประดับสองข้างทางเดิน  มีโต๊ะน้ำชาพร้อมที่นั่งอันสบายสำหรับนั่งๆนอนๆพักผ่อนในความอบอุ่นของแสงแดด 
      ชาวอังกฤษโดยเฉพาะยังคงนิยมภาพดอกไม้ในแต่ละเดือน ที่พวกเขานำไปประดับถ้วยโถโอชามที่ใช้ มีชื่อเดือนประกอบอยู่ด้วยเป็นส่วนใหญ่ (ปัจจุบัน มักไม่มีชื่อเดือนกำกับแล้ว มีแต่ภาพดอกไม้และทุ่งดอกไม้).  ปลายศตวรรษที่ 19  เมื่อเกิดกระแสศิลปะแนวใหม่ในยุโรป ที่เรียกว่า Art Nouveau [อารฺ นูโว] ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ มีศิลปินเนรมิตปฏิทินดอกไม้สวยงามแบบต่างๆไว้มากที่ยังพอหาดูได้ในปัจจุบัน. เช่นผลงานของ Eugène Grasset (1845-1917 ชาวฝรั่งเศสดั้งเดิมเป็นชาวสวิสฯ เป็นจิตรกรและนักวาดเขียน หนึ่งในผู้ริเริ่มกระแสศิลปะแนวใหม่. ในผลงานของเขา มักเห็นภาพผู้หญิงสวยงามที่มองดูเหมือนวีรสตรีในนวนิยาย บ้างบอบบางน่าถนอม บ้างเข้มแข็งองอาจ แต่ละนางอยู่กับดอกไม้ชนิดใดชนิดหนึ่ง ในภูมิทัศน์แบบหนึ่ง.  เขาเป็นผู้ริเริ่มทำโปสเตอร์ด้วยศิลปะแนวใหม่นี้ เป็นที่ติดอกติดใจกันไปทั่วยุโรป
 Eugène Samuel Grasset, 
poster for an exhibition of French decorative art
at the Grafton Galleries, 1893.
ภาพจากวิกิพีเดีย กำกับไว้ว่า Public domain.
ในอังกฤษหนังสือรวมภาพดอกไม้ทั้งหลายที่ดูสมจริงแล้ว ยังผนวกตำนานหรือนิทานเกี่ยวกับดอกไม้แต่ละชนิดเข้าไปด้วย รวมกันเป็นวรรณกรรมดอกไม้  เป็นหนังสือที่ผู้ใหญ่อ่านได้ เด็กก็อ่านสนุก. หนังสือดอกไม้อย่างนี้นิยมกันมาก และมีซิลปินต่อยอดไปถึงเรื่องเทพธิดาประจำดอกไม้แต่ละดอกด้วย เรียกว่า  Flower fairies. ยังมีการผลิตนางฟ้า(พร้อมปีกงามสองปีก) ประจำดอกไม้เป็นหุ่นเล็กๆข้างดอกไม้แต่ละชนิด  กลายเป็นของประดับสวนแบบหนึ่ง นำไปประดับข้างต้นไม้ดอกนั้นๆ หรือไปปักท่ามกลางกอดอกไม้เป็นต้น  อาจเป็นวิธีเร้าความอ่อนโยนและความสนใจในดอกไม้ ตามค่านิยมอังกฤษแบบหนึ่ง. ภาพนางฟ้าข้างดอกไม้แต่ะชนิด ที่เห็นได้จำนวนมากในอินเตอเน็ต ล้วนสวยงามเป็นข้อมูลให้ความรู้ที่ดีมากสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ เช่นผลงานของ Cicely Mary Barker (1895-1973 ชาวอังกฤษ เชิญเข้าไปชื่นชมได้ที่  
มีการจัดดอกไม้ตามลำดับตัวอักษรภาษาอังกฤษ  ดังตัวอย่างภาพข้างล่างนี้ 
 
 ภาพจาก https://www.flowerfairy.com/
นอกจากนี้ชาวอังกฤษยังผลิตหนังสือรูปดอกไม้แต่ละเดือน เป็นภาพโครงลายเส้น รูปร่างลักษณะของดอกไม้ พิมพ์เป็นขาวดำ ขายให้เด็กๆไปเติมสีดอกไม้กันเอง เท่ากับกระตุ้นให้คิดถึงรูปลักษณ์และสีสัน ทำความรู้จักกับดอกไม้ชนิดต่างๆไปด้วย. นี่ก็เป็นวิธีการสอนเรื่องดอกไม้ เรื่องธรรมชาติ และความรักธรรมชาติ เป็นวิธีที่ดูเหมือนได้ผลที่สุดในหมู่ชาวอังกฤษ.
        ในที่นี้ ได้รวมดอกไม้ที่ถือกันว่าเป็น << ดอกไม้มงคล >> สื่อนัยดีๆทั้งหลายตามค่านิยมในโลกตะวันตก. แต่ละชนิดแต่ละพันธุ์เป็นภาษาดอกไม้ เคยเป็นและยังคงเป็นสัญลักษณ์สื่อสารความหวังในใจคนได้อยู่ แม้ในปัจจุบัน. ดอกไม้เหล่านี้ เหมือนตัวแทนของความหวังหรือความฝันของคนที่ไม่เคยเปลี่ยน คือความปรารถนาความสุข ความสำเร็จ ความรัก ความอ่อนโยน มิตรภาพ โชคลาภ ศรัทธา มุทิตาจิต พลังจิต พลังสร้างสรรค์ ความกล้าหาญ เป็นต้น.
     ความหมายของดอกไม้ที่กำกับไว้เป็นภาษาอังกฤษ (ไม่มีพื้นที่พอสำหรับเขียนเป็นภาษาไทย) เป็นเพียงบางส่วนของความหมายทั้งหมดที่ดอกไม้นั้นๆดลใจคนเรื่อยมา แต่ละคนอาจมีนัยส่วนตัวบวกเข้าไปในดอกไม้ตามโอกาสและวาระที่คนนั้นต้องการใช้เพื่อสื่อสารกับคนหนึ่งคนใดอย่างเฉพาะเจาะจง.
    ภาษาดอกไม้เป็นภาษาสละสลวย เป็นภาษาเงียบละมุนละไมจากใจถึงใจ
เป็นภาษาที่ไม่มีพรมแดน
     ดอกไม้เป็นครูจากธรรมชาติ สอนให้รู้จักความสวย ความสุนทรีย์ ความเปราะบางของชีวิต
     ดอกไม้กระตุ้นให้สั่งสมคุณงามความดี ให้เหมือนกลิ่นหอมดอกไม้ ที่ติดตรึงใจไปนานไม่รู้เลือน 
     ขอให้ดอกไม้เหล่านี้ดลใจและนำความสุขใจแก่ท่านทุกวันตลอดปีและตลอดไป

โชติรส โกวิทวัฒนพงศ์ รายงาน ณ วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๙.

1 comment:

  1. ขอบคุณพี่โชติรสมากค่ะที่รวบรวมเรื่องและบอกแหล่ง (link) ให้อ่านเพิ่มเติม
    ชอบเรื่องความหมายของ "ดอกไม้มงคล"ค่ะ
    มีต้นไม้ ดอกไม้ห้อมล้อมก็เป็นโชคและเป็นมงคลของมนุษย์

    ReplyDelete